งานแสดงสินค้าที่มีศักยภาพ: 3daysofdesign

1. ภาพรวมงาน1.1 3daysofdesign เป็นงานแสดงสินค้าของใช้ ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของเดนมาร์ก เป็นงานเพื่อการเจรจาธุรกิจ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2556 และจัดต่อเนื่องเป็นประจำ ทุกปี ในช่วงเดือนมิถุนายนทั่วกรุงโคเปนเฮเกน ในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 20 มิถุนายน 2568 เป็นแหล่งศูนย์รวมผู้ซื้อ เอเจ้นท์ ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้นำเข้า นักออกแบบ ผู้ผลิต สื่อมวลชน และบุคคลในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากในและต่างประเทศ 1.2 3daysofdesign มีผู้เข้าร่วมออกงานกว่า 470 แบรนด์จากหลายประเทศ อาทิ เดนมาร์ก สวีเดน ไอซ์แลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ เยอรมนีและญี่ปุ่น เป็นต้น แบ่งโซนแสดงสินค้าเป็นเขตการออกแบบ (design district) 11 เขตทั่วกรุงโคเปนเฮเกน กลุ่มสินค้าที่จัดแสดง แบ่งออกเป็น 12 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ทั่วไป (Accessories) ของใช้ในสำนักงาน (Office) การออกแบบภาพและเสียง (Audio Visual Design) ของใช้ในครัว (Kitchen) ของใช้ในห้องน้ำ (Bath) ของใช้ในห้องนอน (Beds) โคมไฟ (Lighting) วัสดุ และวัตถุดิบ (Materials) ของใช้นอกบ้าน (Outdoor) พรม และสิ่งทอภายในบ้านเรือน (Rug & Floor) และผนังและพื้นผิว (Wall & Surface) ซึ่งนอกจากบริษัทผู้ผลิต ผู้ออกแบบ และนำเข้าสินค้าดังกล่าวที่เข้าร่วมออกแสดงสินค้าแล้ว ยังมีสถานเอกอัครราชทูตจากไอซ์แลนด์ ฝรั่งเศส และอิตาลี ห้างสรรพสินค้า Illum โรงเรียนด้านการออกแบบ Royal Danish Academy เข้าร่วมงานในฐานะ Exhibitor ด้วย 1.3 ในปีนี้ 3daysofdesign 2025 เน้นแนวคิด Keep It Real ชูความจริงใจ งานฝีมือ และประสบการณ์สัมผัสจริง รวมถึงการฟื้นฟูดีไซน์คลาสสิก การใช้วัสดุอย่างยั่งยืน และนิทรรศการแบบมีปฏิสัมพันธ์ ซึ่งดีไซน์เนอร์ทั่วโลกได้ร่วมนำเสนอผลงานร่วมสมัยที่ผสานอารมณ์ ความรู้สึก และเรื่องเล่าต่างๆ ไว้ในงานออกแบบของตน ทั้งนี้ ผู้เข้างานชมสามารถเข้าชมงานในเขต design district ทั้ง 11 เขตนี้ด้วยการเดินเท้า หรือสามารถเลือกใช้จักรยาน เรือ รถโดยสารประจำทาง หรือรถยนต์ได้อย่างทั่วถึง 1.4 นอกจากการแสดงสินค้าแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การพาเดินชมสินค้า (Guided tour) กิจกรรม Workshop และการเปิดตัวสินค้า (Product launched) การสัมมนาหัวข้อต่างๆ (Talks) โดยมีหัวข้อสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ และประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น (1) การสัมมนา Afternoon Talk at BIG HQ: CONCRETE by Biel Huguet เจ้าของกิจการ และทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัท Huguet จากเกาะ Mallorca ประเทศสเปน บริษัทผู้ผลิตวัสดุตกแต่งอาคาร เช่น กระเบื้องซีเมนต์ กระเบื้องเทอร์ราซโซ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งจากซีเมนต์/เทอร์ราซโซ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยบริษัทได้ร่วมแชร์ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งหมดตลอดช่วงเวลาการทำงานเพื่อร่วมสร้างแรงบันดาลใจกับคนรุ่นใหม่ โดยสามารถสรุปเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Huguet Mallorca ได้เป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัทสถาปนิกอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Bjarke Ingels Group และบริษัทชั่นนำระดับโลกอื่นๆ ได้แก่ • ประเด็นมูลค่าทางวัฒนธรรมและความเชื่อมโยงกับรากเหง้าทางสถาปัตยกรรม (Cultural Continuity) o Huguet ไม่ได้ผลิตแค่วัสดุ แต่ "เล่าเรื่องราว" ผ่านวัสดุ เช่น การสืบสานเทคนิค Opus Signinum จากโรมัน จนถึง Terrazzo แบบเวนิส และพัฒนาต่อเป็นวัสดุร่วมสมัย o การใช้วัสดุแบบดั้งเดิมอย่างหินอ่อนบด ดินเผาเก่า และซีเมนต์สีธรรมชาติ ผสานกับเทคนิคปัจจุบัน เป็นจุดแข็งที่ตอบโจทย์ งานออกแบบที่ต้องการรากฐานทางวัฒนธรรมและความแปลกใหม่ • ประเด็นความสามารถในการปรับแต่ง (Customization & Craftsmanship) o Huguet มีจุดแข็งด้านการผลิต แบบสั่งทำ (bespoke) เช่น กระเบื้องเทอร์ราซโซ่เฉพาะโครงการ พื้นที่ต้องการสีสัน ลวดลาย หรือรูปทรงเฉพาะ o ได้ร่วมงานกับสถาปนิกและนักออกแบบชั้นนำอย่าง Herzog & de Meuron และ BIG อย่าง “floating sauna in Oslo” • การออกแบบที่ยั่งยืน (Sustainability & Material Innovation) o Huguet ใช้วัสดุรีไซเคิล เช่น กระเบื้องดินเผาแตก เศษหิน และหลีกเลี่ยงการใช้ปูนปอร์ตแลนด์เพื่อลดคาร์บอน o พัฒนา "วัสดุทางเลือก" เช่น lime-based concrete, zero-waste terracotta, และ furniture ที่ผลิตจากเศษวัสดุเหลือใช้ • การใช้กลยุทธ์รูปแบบธุรกิจแบบ Artisan + Industry (คราฟต์เชิงอุตสาหกรรม) o Huguet ผสมผสานระหว่าง "คราฟต์มือ" และ "เทคโนโลยีอุตสาหกรรม" เช่น การผลิตที่สามารถสเกลได้ แต่ยังคงสัมผัสและรายละเอียดแบบหัตถกรรม o การส่งต่อกิจการในครอบครัวตั้งแต่รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก สร้างภาพลักษณ์ที่เชื่อถือได้ (2) การออกแบบและนวัตกรรมวัสดุของบริษัท Mater บริษัท Mater เป็นหนึ่งในบริษัทออกแบบเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำของเดนมาร์กที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาวัสดุและการออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability) จุดเด่นของบริษัท Mater คือการพัฒนา Matek ซึ่งเป็นวัสดุเชิงนวัตกรรมที่เกิดจากการนำเศษวัสดุ recycle และวัสดุชีวมวลหลากหลายประเภท อาทิ Plastic recycle เศษไม้ เศษเส้นใยจากอุตสาหกรรมต่างๆ มาผ่านกระบวนการผลิตแบบใหม่ เพื่อสร้างวัสดุที่มีความแข็งแรง สวยงาม มีความยืดหยุ่นในการออกแบบ และสามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการ recycle นับเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างชัดเจน นอกจากนวัตกรรมด้านวัสดุแล้ว การออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Mater ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบให้สามารถถอดประกอบและแยกชิ้นส่วนได้ง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการซ่อมแซม และนำกลับมาใช้ใหม่ หรือการ recycle ในอนาคต ตัวอย่างเช่น การใช้วัสดุหมุนเวียน (Recycled Materials) โดยนำเศษพลาสติกอุตสาหกรรม เศษไม้ เศษเส้นใยธรรมชาติ และวัสดุชีวมวลอื่น ๆ มาผสมและแปรรูปเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงสำหรับการผลิตเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมวัสดุ Matek ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา ผิวสัมผัสสวยงาม และสามารถ Recycle กลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง บริษัทฯ เลือกใช้ suppliers ที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสูง การลดคาร์บอนฟุตพรินท์ในกระบวนการผลิต และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สะท้อนแนวคิดความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตของบริษัท งาน 3daysofdesign นี้เป็นการจัดงานในลักษณะ informal ที่ผู้ประกอบการ ผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า และผู้เข้าเยี่ยมชมงานสามารถเจรจาธุรกิจ และสร้างเครือข่ายร่วมกันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยบริษัทผู้เข้าร่วมงานหลายรายได้จัดเตรียมทั้งอาหารเช้า อาหารกลางวัน กาแฟ และเครื่องดื่มฟรีให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชมงานตลอดทั้งวัน เพื่อเปิดโอกาสให้เป็นเวทีพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้อย่างเป็นกันเอง ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวปไซต์ www.3daysofdesign.dk 2. บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต.: งาน 3daysofdesign 2025 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดเดนมาร์กและกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่ให้ความสำคัญกับ “ความจริงใจ งานฝีมือ และความยั่งยืน” ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านเรื่องราวของบริษัทตั้งแต่แนวคิดในการออกแบบ การผลิต จนถึงสำเร็จเป็นตัวสินค้า นอกจากนี้ การรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติ เช่น Cradle to Cradle เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าสู่ตลาด ทั้งนี้ คู่แข่งจากประเทศที่มีจุดแข็งด้านดีไซน์และวัตถุดิบ เช่น สเปน อิตาลี และญี่ปุ่น สามารถเข้าร่วมงานนี้อย่างเข้มแข็งและนำเสนอสินค้าที่ผสานวัฒนธรรมกับนวัตกรรมได้อย่าง ลงตัว นอกจากนี้ โอกาสของผู้ส่งออกไทยอยู่ที่การนำเสนอ “งานฝีมือร่วมสมัย” ที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น สิ่งทอ เครื่องจักสาน หรือวัสดุธรรมชาติ ที่สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านแนว Sustainable หรือ Bespoke ได้ โดยอาจสร้างความร่วมมือระหว่างดีไซเนอร์ไทยและต่างชาติในการสร้างคอลเลกชันที่ตอบโจทย์ เทรนด์โลก และสามารถเล่าเรื่องได้ชัดเจนผ่านผลิตภัณฑ์ ดังที่ได้กล่าวข้างต้น แนวทางการพัฒนาวัสดุและกระบวนการออกแบบของ Mater ยังเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน วัสดุตกแต่งภายใน และอุตสาหกรรมผลิตวัสดุ ที่สามารถนำแนวคิดการออกแบบเพื่อความยั่งยืนและการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้มาเป็นแนวทางพัฒนาธุรกิจในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของตลาดสากลที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น การเข้าชมนิทรรศการของ Materในครั้งนี้นับเป็นโอกาสในการเรียนรู้แนวโน้มของอุตสาหกรรมออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในเดนมาร์กที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างดีไซน์ นวัตกรรมวัสดุ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม การดำเนินธุรกิจของ Mater สะท้อนถึงแนวโน้มการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมในตลาดยุโรป ซึ่งให้ความสำคัญกับแนวคิด Circular Economy, Carbon Neutrality และการลดของเสียจากอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ส่งผลให้บริษัท Mater ได้รับความสนใจจากลูกค้าและองค์กรต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและแนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทั้งนี้ บริษัทไม่ปิดโอกาสในการร่วมมือกับผู้ผลิตในต่างประเทศ แต่ผู้ผลิตจะต้องมีความพร้อมในด้านสินค้า และการรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติ