ข้อมูลจากรายงาน State of the Economy ฉบับเดือนมิถุนายน 2568 ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ได้ระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียยังคงความยืดหยุ่นและมั่นคง แม้อยู่ภายใต้แรงกดดันจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีภาพรวมที่สำคัญ ดังนี้
- GDP เติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราเฉลี่ยประมาณร้อยละ 6.5 ในปีงบประมาณ 2567-2568 โดยไตรมาสที่ 4 เติบโตถึงร้อยละ 7.4 และคาดว่าปีงบประมาณ 2568-2569 เศรษฐกิจอินเดียจะอยู่ที่อัตราร้อยละ 6.4 และขยับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.7 ในปีงบประมาณ 2569-2570
- ภาวะเงินเฟ้อ (CPI) ยังคงอยู่ในระดับเป้าหมาย โดยในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่อัตราร้อยละ 2.82 ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 อีกทั้งยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ร้อยละ 4 เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 4 เดือน
- FDI ในเดือนเมษายน 2568 มีมูลค่า 8.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2568 ที่มูลค่า 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.22 จากเดือนเมษายน 2567 ซึ่งมีมูลค่า 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- การผลิตในภาคเกษตรช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ: ผลผลิตภาคการเกษตรสูงสุดในปี 2567–2568 ส่งผลให้เกิดการควบคุมเงินเฟ้อในกลุ่มอาหาร รวมถึงสนับสนุนการบริโภคในชนบท
- ภาคอุตสาหกรรมและบริการแข็งแกร่ง: ดัชนี Composite PMI ในเดือนมิถุนายน 2568 เพิ่มสูงถึงระดับ 61.0 ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดในรอบ 14 เดือน สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวทั้งในภาคอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งเป็นผลจากคำสั่งซื้อส่งออกที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี ยังมี
ปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินเดีย ได้แก่
-
กำแพงภาษีในต่างประเทศ: การเจรจาการค้าระหว่างอินเดีย–สหรัฐฯ ยังไม่คืบหน้าก่อนกำหนด (วันที่ 9 กรกฎาคม 2568) หากไม่สามารถตกลงได้อาจกระทบการส่งออกและทำให้การเติบโตของ GDP ชะลอตัวลง
-
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เสี่ยงต่อราคาพลังงานและค่าเงินรูปีอินเดีย แม้ว่าในขณะนี้เงินรูปีอินเดียจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอันเนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
-
ภาวะหนี้ครัวเรือนและการก่อหนี้ที่สูงขึ้น อาทิ ยอดการใช้บัตรเครดิตและหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น โดยพบว่าอัตราหนี้ครัวเรือนต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 36 เป็นร้อยละ 42 ระหว่าง 2565-2567 ขณะที่ยอดการใช้บัตรเครดิตเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 50 ในช่วง 3 ปีดังกล่าว
ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการไทย
- ควรติดตามการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างอินเดียและประเทศคู่ค้า รวมถึงพิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าที่ไทยมีร่วมกับอินเดีย เช่น Thai-India FTA และ ASEAN-India FTA เป็นต้น
- สำหรับผู้ประกอบการไทยที่พร้อมลงทุน อาจพิจารณาร่วมทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ทางการเกษตรในอินเดีย เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระบบห่วงโซ่อุปทานตอบสนองความต้องการในพื้นที่ชนบทที่เพิ่มมากขึ้น
บทสรุป
เศรษฐกิจอินเดียยังแข็งแกร่ง โดยมีแรงหนุนจากภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ แม้ว่าจะมีปัจจัยภายนอก อาทิ กำแพงภาษี ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ และหนี้สินในครัวเรือน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจเป็นอุปสรรคในการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย อย่างไรก็ดี หากอินเดียมีกลไกที่จัดการความเสี่ยงด้านการต่างประเทศ การเงิน และราคาที่เหมาะสม จะช่วยให้เศรษฐกิจอินเดียมีเสถียรภาพระยะยาวและสามารถบรรลุเป้าหมายร้อยละ 7–8 ตามที่ตั้งไว้
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าสู่ตลาดอินเดียควรติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาประกอบการวางแผนกลยุทธ์เจาะตลาดอินเดียได้อย่างเหมาะสม รวมถึงแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรอินเดียที่เชื่อถือได้ เพิ่มโอกาสความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
แหล่งอ้างอิง
- India resilient, but barrier to trade, global event pose risk — The economic times, June 26, 2025
- India’s FDI Inflows Jump to 8.8 billion dollars in April — NewsOnAir (quoting RBI Bulletin), June 26, 2025
- Trade uncertainty (“tariff hiatus”) ahead of July 9 deadline — Reuters, June 26, 2025
- RBI flags global trade barriers as risk, says Indian economy remains resilient in FY26 — fortuneindia.com, June 25, 2025
- Geo-political tensions impacting oil prices & rupee volatility — Reuters, June 23, 2025
6. India’s business activity surges in June on strong demand, record export orders — Reuters, June 23, 2025